ทวงหนี้ออนไลน์ พังทั้งชีวิต! ยืมมือรอบตัว ข่มขู่-ประจาน

ภาพการใช้ความรุนแรงติดตาม “ทวงหนี้” ปรากฏขึ้นถี่หลายสัปดาห์ต่อเนื่องกัน ทั้งกรณีลูกหนี้รายหนึ่งใน อ.บ้านแพง จ.นครพนม อ้างถูกเจ้าหนี้นายทุนเงินกู้นอกระบบฉายา “เจ๊ปากแดง” ทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ โดยเฉพาะบริเวณใบหน้าที่เห็นร่องรอยชัดเจน จนมาถึงกรณีนายทุนชาวกรุงเทพฯ บุกลากสาวพีอาร์ขณะทำงานไปทำร้ายร่างกายเหตุเกิดในพื้นที่ จ.ขอนแก่น
ชัดเจนว่าพฤติกรรมลักษณะนี้ไม่เพียงสร้างบาดแผลทางร่างกาย แต่ยังสร้างความอับอายให้กับลูกหนี้ ซึ่งยังมีจำนวนมาก...ไม่ปรากฏเป็นข่าว
การ “กู้เงิน” โดยเฉพาะเงินกู้นอกระบบที่คิดอัตราดอกเบี้ยสูงเกินกว่ากฎหมายกำหนด เน้นจ่ายดอกเบี้ยรายวันที่รวมแล้วมากกว่าเงินต้นหลายเท่า เป็นเรื่องเลี่ยงยาก “เมื่อถึงคราวจนตรอก” หลายคนจำเลือกเป็นลูกหนี้ “นอกระบบ” เพราะเข้าถึงง่าย ได้เงินเร็ว ใครก็กู้ได้ ไม่ต้องมีหลักประกัน
“ความน่ากลัว” ของหนี้นอกระบบมีการปรับเปลี่ยนตามยุคสมัย ตราบใดที่ “ห้าม” กู้ไม่ได้ การเตือนให้รู้เท่าทันอาจเป็นตัวเลือก “ก่อน” ตัดสินใจของใครหลายคน ไม่ต้องตกอยู่ในวังวันที่อาจพังได้ทั้งชีวิต!!!
พ.ต.ท.วิชัย สุวรรณประเสริฐ ผอ.กองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ให้ข้อมูลอีกหนึ่งรูปแบบความน่ากลัวของการติดตามทวงถามหนี้ในปัจจุบัน นั่นคือการกู้เงินผ่านแอพพลิเคชั่น (Application) ที่ให้ติดตั้งแอพลงในโทรศัพท์มือ โดยมีขั้นตอนสมัครที่ต้องยินยอมให้ระบบเข้าถึงความเป็นส่วนตัวทั้งหมดในโทรศัพท์ของลูกหนี้ แนวโน้มเพิ่มขึ้นของการกู้ออนไลน์ผ่านแอพลักษณะนี้กำลังสร้างความกังวล ประชาชนควรรู้เท่าทันถึงผลกระทบร้ายแรงที่จะตามมา โดยเฉพาะการใช้ข้อมูลส่วนตัวอย่างบัญชีรายชื่อผู้ติดต่อ และภาพถ่ายของลูกหนี้เป็นเครื่องมือข่มขู่ คุกคาม ไปจนถึงประจานให้อาย เนื่องจากกู้เงินออนไลน์เป็นการติดต่อผ่านแอพที่ลูกหนี้ไม่รู้จักเจ้าหนี้ แต่เจ้าหนี้กลับรู้ตัวตนทั้งหมดของลูกหนี้
ทั้งนี้ เผยข้อเท็จจริงที่พบจากลูกหนี้เงินกู้ผ่านแอพ ซึ่งที่ผ่านมาเริ่มเห็นพฤติกรรมรุนแรงมากขึ้น การทวงหนี้มีตั้งแต่ไม่เน้นเผชิญหน้าไปจนถึงการส่งแก๊งหมวกกันน็อกไปถึงตัว โดยเบื้องต้นจะใช้วิธีส่งข้อความทวง ก่อนขยับเป็นส่งข้อความข่มขู่ โทรศัพท์ติดตาม เข้าไปโพสต์หน้าเฟซบุ๊กลูกหนี้ประกาศตัวเป็นเจ้าหนี้ และสุดท้ายคือส่งคนไปทวงด้วยตัวเอง
อย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญคือทั้งหมดนี้ไม่ได้เป็นเพียงการติดตามทวงถามไปยังลูกหนี้ แต่ยังสุ่มไปถึงรายชื่อผู้ติดต่อในโทรศัพท์มือถือที่มีทั้งครอบครัว ญาติ รวมถึงที่ทำงานเพื่อให้อับอาย ลูกหนี้บางรายต้องถูกพักงานจากผลกระทบทวงหนี้เงินกู้ผ่านแอพ ซึ่งมักอนุมัติเงินกู้จำนวนไม่มาก
พ.ต.ท.วิชัย ระบุ นอกจากข่มขู่ ประจาน การเข้าถึงภาพถ่ายที่เป็นข้อมูลส่วนตัวในโทรศัพท์มือถือของลูกหนี้กลายเป็นเครื่องมือที่มีตัวอย่างเข้ามาให้เห็นแล้ว เช่น การขู่ปล่อยภาพถ่ายโป๊ เปลือย หรือกระทั่งการใช้ภาพถ่ายบุคคลอันเป็นที่รักมากดดันเรื่องความไม่ปลอดภัย รวมไปถึงการก่อกวนในรูปแบบอื่น ยกตัวอย่าง การติดชื่อลูกหนี้ไว้กับพวงหรีดแล้วส่งไปยังบ้านลูกหนี้ จนอยู่ไม่เป็นสุข
“ต้องเตือนให้รู้ว่าการกู้ผ่านแอพไม่ใช่การกู้เงินปกติ เพราะแอพจะแฝงบางอย่างที่สลับซับซ้อนสามารถล้วงข้อมูลส่วนบุคคลได้ทั้งหมด ดังนั้น แอพกู้เงินนอกระบบร้ายกว่าที่ทุกคนคิด และน่าห่วงคือการดึงบุคคลอื่นมาเป็นเครื่องมือทวงหนี้ด้วย” พ.ต.ท.วิชัย ระบุ
จากข้อมูลในปัจจุบันพบว่าลูกหนี้ที่กู้เงินผ่านแอพในโทรศัพท์มือถือมีจำนวนเพิ่มขึ้นทั่วประเทศ ทั้ง กทม.และต่างจังหวัด กลุ่มเข้าถึงโทรศัพท์มือถือทุกกลุ่มล้วนมีโอกาส ไม่เฉพาะพ่อค้า แม่ขาย คนระดับกลางหรือข้าราชการก็พบว่าใช้บริการเงินกู้ผ่านแอพ เมื่อการกู้ออนไลน์มากขึ้นการทวงหนี้ที่ข่มขู่ ประจานจึงมากขึ้นตามไปด้วย สำหรับช่วงวัยลูกหนี้พบมากในกลุ่มวัยกลางคนอายุ 30-40 ปี ส่วนใหญ่รู้จักผ่านการบอกต่อ และการเชิญชวนเนื่องจากเชื่อว่าแอพกู้เงินลักษณะนี้เป็นกลุ่มเดียวกัน แค่เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ
นับเป็นเงินกู้อีกรูปแบบที่ต้องระวังให้มากในอนาคต
ref: https://www.dailynews.co.th/article/814978
ชัดเจนว่าพฤติกรรมลักษณะนี้ไม่เพียงสร้างบาดแผลทางร่างกาย แต่ยังสร้างความอับอายให้กับลูกหนี้ ซึ่งยังมีจำนวนมาก...ไม่ปรากฏเป็นข่าว
การ “กู้เงิน” โดยเฉพาะเงินกู้นอกระบบที่คิดอัตราดอกเบี้ยสูงเกินกว่ากฎหมายกำหนด เน้นจ่ายดอกเบี้ยรายวันที่รวมแล้วมากกว่าเงินต้นหลายเท่า เป็นเรื่องเลี่ยงยาก “เมื่อถึงคราวจนตรอก” หลายคนจำเลือกเป็นลูกหนี้ “นอกระบบ” เพราะเข้าถึงง่าย ได้เงินเร็ว ใครก็กู้ได้ ไม่ต้องมีหลักประกัน
“ความน่ากลัว” ของหนี้นอกระบบมีการปรับเปลี่ยนตามยุคสมัย ตราบใดที่ “ห้าม” กู้ไม่ได้ การเตือนให้รู้เท่าทันอาจเป็นตัวเลือก “ก่อน” ตัดสินใจของใครหลายคน ไม่ต้องตกอยู่ในวังวันที่อาจพังได้ทั้งชีวิต!!!
พ.ต.ท.วิชัย สุวรรณประเสริฐ ผอ.กองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ให้ข้อมูลอีกหนึ่งรูปแบบความน่ากลัวของการติดตามทวงถามหนี้ในปัจจุบัน นั่นคือการกู้เงินผ่านแอพพลิเคชั่น (Application) ที่ให้ติดตั้งแอพลงในโทรศัพท์มือ โดยมีขั้นตอนสมัครที่ต้องยินยอมให้ระบบเข้าถึงความเป็นส่วนตัวทั้งหมดในโทรศัพท์ของลูกหนี้ แนวโน้มเพิ่มขึ้นของการกู้ออนไลน์ผ่านแอพลักษณะนี้กำลังสร้างความกังวล ประชาชนควรรู้เท่าทันถึงผลกระทบร้ายแรงที่จะตามมา โดยเฉพาะการใช้ข้อมูลส่วนตัวอย่างบัญชีรายชื่อผู้ติดต่อ และภาพถ่ายของลูกหนี้เป็นเครื่องมือข่มขู่ คุกคาม ไปจนถึงประจานให้อาย เนื่องจากกู้เงินออนไลน์เป็นการติดต่อผ่านแอพที่ลูกหนี้ไม่รู้จักเจ้าหนี้ แต่เจ้าหนี้กลับรู้ตัวตนทั้งหมดของลูกหนี้
ทั้งนี้ เผยข้อเท็จจริงที่พบจากลูกหนี้เงินกู้ผ่านแอพ ซึ่งที่ผ่านมาเริ่มเห็นพฤติกรรมรุนแรงมากขึ้น การทวงหนี้มีตั้งแต่ไม่เน้นเผชิญหน้าไปจนถึงการส่งแก๊งหมวกกันน็อกไปถึงตัว โดยเบื้องต้นจะใช้วิธีส่งข้อความทวง ก่อนขยับเป็นส่งข้อความข่มขู่ โทรศัพท์ติดตาม เข้าไปโพสต์หน้าเฟซบุ๊กลูกหนี้ประกาศตัวเป็นเจ้าหนี้ และสุดท้ายคือส่งคนไปทวงด้วยตัวเอง
อย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญคือทั้งหมดนี้ไม่ได้เป็นเพียงการติดตามทวงถามไปยังลูกหนี้ แต่ยังสุ่มไปถึงรายชื่อผู้ติดต่อในโทรศัพท์มือถือที่มีทั้งครอบครัว ญาติ รวมถึงที่ทำงานเพื่อให้อับอาย ลูกหนี้บางรายต้องถูกพักงานจากผลกระทบทวงหนี้เงินกู้ผ่านแอพ ซึ่งมักอนุมัติเงินกู้จำนวนไม่มาก
พ.ต.ท.วิชัย ระบุ นอกจากข่มขู่ ประจาน การเข้าถึงภาพถ่ายที่เป็นข้อมูลส่วนตัวในโทรศัพท์มือถือของลูกหนี้กลายเป็นเครื่องมือที่มีตัวอย่างเข้ามาให้เห็นแล้ว เช่น การขู่ปล่อยภาพถ่ายโป๊ เปลือย หรือกระทั่งการใช้ภาพถ่ายบุคคลอันเป็นที่รักมากดดันเรื่องความไม่ปลอดภัย รวมไปถึงการก่อกวนในรูปแบบอื่น ยกตัวอย่าง การติดชื่อลูกหนี้ไว้กับพวงหรีดแล้วส่งไปยังบ้านลูกหนี้ จนอยู่ไม่เป็นสุข
“ต้องเตือนให้รู้ว่าการกู้ผ่านแอพไม่ใช่การกู้เงินปกติ เพราะแอพจะแฝงบางอย่างที่สลับซับซ้อนสามารถล้วงข้อมูลส่วนบุคคลได้ทั้งหมด ดังนั้น แอพกู้เงินนอกระบบร้ายกว่าที่ทุกคนคิด และน่าห่วงคือการดึงบุคคลอื่นมาเป็นเครื่องมือทวงหนี้ด้วย” พ.ต.ท.วิชัย ระบุ
จากข้อมูลในปัจจุบันพบว่าลูกหนี้ที่กู้เงินผ่านแอพในโทรศัพท์มือถือมีจำนวนเพิ่มขึ้นทั่วประเทศ ทั้ง กทม.และต่างจังหวัด กลุ่มเข้าถึงโทรศัพท์มือถือทุกกลุ่มล้วนมีโอกาส ไม่เฉพาะพ่อค้า แม่ขาย คนระดับกลางหรือข้าราชการก็พบว่าใช้บริการเงินกู้ผ่านแอพ เมื่อการกู้ออนไลน์มากขึ้นการทวงหนี้ที่ข่มขู่ ประจานจึงมากขึ้นตามไปด้วย สำหรับช่วงวัยลูกหนี้พบมากในกลุ่มวัยกลางคนอายุ 30-40 ปี ส่วนใหญ่รู้จักผ่านการบอกต่อ และการเชิญชวนเนื่องจากเชื่อว่าแอพกู้เงินลักษณะนี้เป็นกลุ่มเดียวกัน แค่เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ
นับเป็นเงินกู้อีกรูปแบบที่ต้องระวังให้มากในอนาคต
ref: https://www.dailynews.co.th/article/814978